วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เข้าใจผู้ชายและผู้หญิง

...ชายและหญิงเมื่อเกิดความรักขึ้นในดวงใจแล้ว เขาและเธอย่อมอยากจะพลีร่างกายเข้าด้วยกันด้วยความพิศวาสที่แสนจะวาบหวามรัญจวนใจและชวนให้เกิดความหลงใหลผูกพันในกันและกันไปอย่างต่อเนื่อง...
แต่บางครั้งความไม่เข้าใจกันก็ต้องเกิด และหลายต่อหลายคู่ต้องแยกทางจากกันไปด้วยความไม่เข้าใจ หรืออาจจะเรียกได้ว่า ไม่พยายามจะเข้าใจกันก็เป็นได้
หลายครั้งเมื่อมีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมหนอคู่ที่รักกันมากมายจี๋จ๋ากันจนหลายคนที่เห็นเกิดความอิจฉาริษยา แรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ครั้นอยู่นานไปน้ำอ้อยก็กร่อยขม แน่นอนว่า กามารมณ์นั้นเป็นพื้นฐานของชีวิตคู่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ บทพิศวาสที่เกิดจากใจที่ตรงกัน และมีความสุขสมร่วมกันนั้นเป็นสัมผัสรักอย่างดี เป็นการบอกรักแก่กันและกันที่เรียบง่ายและไม่จำเป็นจะต้องใช้คำพูด แต่อาศัยการกอดรัดสัมผัสทางกายที่แสนจะซาบซึ้ง ถ่ายทอดความรักความเอื้ออาทรแก่กันแทน การจะมีกามารมณ์และบทพิศวาสที่สุขมสมอารมณ์หมาย จึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ที่บางครั้งอาจทำให้เบื่อหน่าย การเรียนรู้ในความต้องการของกันและกัน การช่วยเหลือเกื้อกูลสอดประสานบทพิศวาสแก่กัน การเอาใจเธอมาใส่ใจเราล้วนแล้วแต่เป็นเทคนิคและเคล็ดลับที่บอกต่อๆ กันมา ในการนำเอานาวารักที่พายร่วมกันข้ามนทีสีทันดรไปยังฝั่งฝันที่มุ่งมาดและปรารถนาจะสุขสมร่วมกัน ผู้ชายและผู้หญิงนั้นไม่เหมือนกัน และบางครั้งก็ไม่เข้าใจกันที่จริงแล้วลองถามตัวเองกันดูบ้าง หลายต่อหลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลย แล้วจะให้คนอื่นมาเข้าใจได้อย่างไร คนเราเมื่อรักกัน และใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ย่อมจะสามารถพูดจาสนทนาภาษารักและบอกความในใจที่ต้องการต่อกันและกันได้ ไม่น่าจะมีอะไรมาบิดบัง ควรปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของกันและกันในอันที่จะนำมาซึ่งความสุขในการมีชีวิตคู่ คนสองคนที่มาจากต่างถิ่นต่างฐาน ต่างความเชื่อ ต่างการเรียนรู้จะไม่มีทางเข้าใจกันเลย ถ้าไม่รู้จักสนทนาโอภาปราศรัยกันและที่สำคัญควรจะพูดคุยกันด้วยมธุรสวาจาและสร้างสรรค์ ไม่ควรจะต่อว่าต่อขานกัน

เอาล่ะครับ มาลองเข้าใจผู้ชายและผู้หญิง ในรูปแบบที่เป็นและเป็นอยู่ตามความจริงของธรรมชาติ กันดีกว่า…จำไว้ว่า
ผู้หญิงต้องเกิดความรักก่อนจึงจะเกิดอารมณ์และความต้องการทางเพศและในอันที่จะมีอารมณ์ปรารถนาลุกโชนนั้น เธอต้องอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลาย ไม่เครียด อารมณ์พิศวาสจึงจะเปิดรับการกระตุ้นง่ายๆ และเมื่อเกิดอารมณ์พิศวาส แล้วเธอจึงอยากจะร่วมรัก และมีความสุขไปถึงจุดสุดยอด ผู้ชายส่วนใหญ่แล้วเมื่อเกิดความตึงเครียด ฮอร์โมนเพศชายจะหลั่งออกมามากทำให้อยากกระทำอะไรที่ผ่อนคลาย การอยากจะร่วมรักกับสาวคนรักเป็นความเครียดภายในตัวเขาอย่างหนึ่งที่อยากจะระบายออกมา ในความคิดของพวกเขาแล้ว ตามสภาพจิตใจใต้สำนึกเป็นความรักไม่ใช่เป็นการระบายความใคร่ อย่างที่ผู้หญิงหลายคนเข้าใจ และเมื่อเขาได้ระบายความอึดอัดจากความรักในอกออกไปจนสุขสมแล้ว เขาถึงจะเกิดการผ่อนคลาย หายเครียด จนเกิดนึกรักผู้หญิงคนที่เขามีความสุขด้วยเพิ่มขึ้น ผู้หญิงต้องการเวลาเนิ่นนานกว่าผู้ชายในการเล้าโลมให้เกิดอารมณ์พิศวาส เปรียบผู้หญิงเหมือนเตาไฟฟ้า ซึ่งต้องเสียเวลาวอร์มอัพก่อนที่จะเกิดความร้อนออกมาในขณะที่ผู้ชายเปรียบเสมือนเตาแก๊ส ซึ่งเมื่อเปิดแก๊สจุดไฟ ก็ติดทันทีและให้ความร้อนทันควัน ขณะเดียวกันเมื่อปิดเตาแก๊สไฟก็จะดับทันที ส่วนเตาไฟฟ้ายังต้องการเวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าที่จะดับสนิท แต่ในระหว่างที่กำลังจะดับลงไปนั้นถ้าเปิดเตาไฟฟ้าใหม่ เตาจะร้อนเร็วขึ้นเพราะมีความร้อนหลงเหลืออยู่ พร้อมที่จะทำงานใหม่ ด้วยเหตุนี้เองที่ผู้หญิงจะมีอารมณ์พิศวาสได้ช้ากว่าผู้ชาย และต้องการการเล้าโลมที่เนิ่นนานกว่า แต่เธอสามารถที่จะไปถึงดวงดาว ได้หลายครั้งในการร่วมรักครั้งหนึ่ง ถ้าคู่ของเธอมีน้ำอดน้ำทนเพียงพอ ส่วนผู้ชายนั้นหลังจากสุขสมอารมณ์หมายแล้ว ก็ต้องการเวลาในการพักฟื้นสักระยะหนึ่งก่อน ผู้หญิงอยากจะมีบทรักช่วงเล้าโลมและช่วงเวลาหลังความสุขสมมากกว่า ในขณะที่ผู้ชายจ้องแต่ช่วงที่มีการร่วมรักและมีบทพิศวาสในดินแดนส่วนสงวนของเธอเท่านั้นเป็นส่วนใหญ่ ผู้หญิงเป็นพวกอนุรักษ์นิยมและเมื่อเธอมีความสุขในรูปแบบใดแล้วเธอก็อยากจะให้ทำแต่รูปแบบเดิมๆ ซึ่งน่าเบื่อในความคิดของผู้ชายที่ชอบแสวงหาเทคนิคใหม่ๆ ดังนั้นควรจะมีการปรับปรุงท่วงท่าลีลารักและลีลาพิศวาสเป็นประจำสม่ำเสมอจะได้ไม่น่าเบื่อจนกลายเป็น…ทำการบ้าน ลองนึกดูสิครับว่า เริ่มต้นก็เป็นแบบนั้นและลงท้ายแบบนี้จะทนทำอยู่ได้นานเท่าใด สิ่งที่ฝังหัวอยู่ในผู้ชายเสมอมาในทุกยุคทุกสมัยก็คืออยากให้ผู้หญิงเป็นของเขาเป็นคนแรก ในขณะที่ผู้หญิงอยากให้เขาเป็นของเธอเป็นคนสุดท้าย
ในการร่วมรักกันนั้น สิ่งที่ผู้หญิงต้องการคือ "คุณภาพ" สิ่งที่ผู้ชายต้องการคือ "ปริมาณ" ผู้ชาย สนใจใน "ขนาด" ของตนเองว่าจะมีขนาใดหญ่เพียงพอหรือไม่จะให้ความสุขกับผู้หญิงของเขาด้วยความ "ใหญ่" ของเขาได้หรือไม่ ผู้หญิงไม่ได้ต้องการความ "ใหญ่" แต่ต้องการ "ความรัก" มากกว่า นักเพศศาสตร์ทั้งหลายบอกเสมอๆ ว่า ขนาดนั้นไม่สำคัญเท่าเทคนิคของการร่วมรักเลย และมักจะมีคำพูดที่กล่าวกันต่อๆ มาเสมอว่า…ขนาดของเรือนั้นมันไม่สำคัญหรอก สำคัญตรงที่ว่ากัปตันจะสามารถนำเรือรักเรือสำราญของเขาผ่านพ้นปากอ่าวเจ้าพระยาไปโดยไม่ล่มปากอ่าวเสียก่อนเท่านั้นแหละ เพราะปัญหาใหญ่ของชายชาตรีก็คือ หลั่งเร็วหรือนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ เวลาที่เริ่มปฏิบัติการ พอเริ่มลงมือ ผู้ชายก็คิดถึงจุดหมายปลายทางคือ จุดสุดยอดแล้ว ในขณะที่ผู้หญิงคิดถึงว่า ทำอย่างไรหนอความสุขสมจะยืนยาว ชั้นสวรรค์จึงสั้นนักสำหรับเขาและเธอทั้งสอง และเขาก็ไม่สามารถจูงเธอขึ้นสวรรค์ ได้สักทีด้วยอวัยวะส่วนนั้นของเขา
สิทธิทางเพศศึกษาจึงบอกว่า ทั้งชายและหญิงมีสิทธิที่จะสุขสมด้วยตนเองเมื่อเกิดอารมณ์ที่ปรารถนาทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นโสด แต่งงานแล้วหรือเป็นม่ายก็ตาม การไปถึงจุดสุดยอดด้วยตนเองจึงเป็นสิทธิทางเพศชั้นพื้นฐาน ของมนุษยชาติด้วยประการฉะนี้ ผู้หญิงหลายคนเมื่อเข้าสู่วัยทองแทนที่จะหมดอารมณ์ทางเพศกลับมีความต้องการทางเพศมากขึ้นจนกลัวใจ ขอบอกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นไปได้ และถ้าหนุ่มวัยทองของเธอมีความต้องการตรงกันทุกอย่างก็จะราบรื่นและสุขสม แต่ถ้าหนุ่มวัยทองข้างกายเป็นประเภทหมดสมรรถภาพทางเพศหรือหมดอารมณ์พิศวาสไปแล้วล่ะก็ ทางออกที่ดีที่สุดคือการสุขสมด้วยตนเองรวมทั้งจินตนาการถึงความหลังที่ซาบซึ้งในอดีต ก็จะทำให้สามารถผ่านวันเวลาไปได้โดยไม่ลำบาก ผู้ชายวัยทองนั้น อวัยวะส่วนนั้นจะไม่ทำงาน แม้ว่าจะมีอารมณ์และความต้องการทางเพศ จำต้องได้รับการกระตุ้นโดยตรงต่ออวัยวะแห่งความเป็นชาย ไม่ว่าจะกระตุ้นด้วยมือหรือทำรักด้วยปาก และคุณผู้หญิงคู่ชีวิตทั้งหลายจำไว้ว่าถ้าเขามีอารมณ์แต่อวัยวะไม่ขยายพอจะปฏิบัติการได้แล้ว การใช้มือช่วยกระตุ้นให้เขาขึ้นสวรรค์ ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาสมหวัง

ไม่มีความคิดเห็น: